วันพฤหัสบดี, มกราคม 14, 2559

ชีวิต 3 ปี บนเรือ!



730 วัน 17 เกาะ 11 ประเทศ 
2120 ไมล์ทะเล ในแคริบเบียน

ฉันยังจำวันแรกที่ย่างเท้าเหยียบบนเรือ เรือใบที่มาจากเงินเก็บน้ำพักน้ำแรง วันที่เราลาออกจากงานประจำ และวันที่ครอบครัวเราตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วออกเดินทางท่องเที่ยวร่วมกัน แม้ว่าฉันยังรู้สึกคิดถึงพ่อแม่ เพื่อน และสถานที่ๆ จากมา แต่พระอาทิตย์ตกดินทุก 730 วัน กับสามี ลูก และเพื่อนสี่ขาผู้ซื่อสัตย์นั้นมีค่ามาก ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากแค่ไหน

วันนี้ย่างเข้าปีที่ 3 แล้ว ที่เราใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่น ที่เราอยู่บนบ้านลอยน้ำ ที่เราต้องเดินทางย้ายจากเกาะนึงไปยังอีกเกาะนึงเสมอ บ้านที่เราอยู่ให้ความสะดวกสบายและให้ความรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทางที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าหลายคนจะไม่รู้ว่าเราผลิตไฟฟ้าใช้เอง กรองน้ำเค็มเป็นน้ำจืด มีตู้เย็น เตาอบ แอร์และพัดลม ห้องน้ำ สายฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่น (ที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่) โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียว และทีวี เราแค่ใช้ชีวิตแตกต่างจากคนทั่วไป เพราะเรานอนบนเรือ กินบนเรือ และ-ี้บนเรือ!

ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป
ฉันอ่านหนังสือมากขึ้นเพราะเรามีเทคโนโลยีน้อยลงทำให้เรามีเวลาเหลือมากขึ้น การเดินทางไปที่ใหม่ๆ สอนให้ฉันปรับตัวเข้าหาคนท้องถิ่น ภาษา และอาหารพื้นเมือง ฉันรู้จักคำว่า “ให้” มากขึ้นเมื่อฉันมีของที่ไม่จำเป็น ฉันมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ฉันได้พบกับคนที่ไม่เพียงแต่ไม่รู้จักต้มยำกุ้ง ผัดไทย หรือข้าวเหนียวมะม่วง แต่พวกเข้าไม่รู้ว่าประเทศไทยอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่ามันคงไกลมาก คนที่ยังคิดว่าภาษาไทยมีรากฐานมาจากภาษาจีน หรือพนักงานไปรษณีย์ที่ไม่รู้ว่าประเทศไทยตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ฉันยิ้มให้กับคนที่ฉันไม่รู้จัก ฉันพึ่งพาตนเองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ ฉันรักตัวเองและดูแลตัวเองแบบพอดีเท่าที่จำเป็น ทุกอย่างรวมกันสอนให้ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ฉันมี


อะไรคือสโลว์ไลฟ์ ? 
ใครๆ ก็พูดถึง แต่จริงแล้วๆ คืออะไร? ฉันยังใส่นาฬิกาเพื่อบอกเวลาไม่ใช่ราคา ฉันยังตื่นนอนเป็นเวลาเพราะความเคยชิน ฉันก็ถ่ายรูปที่ๆ เราไปเก็บไว้เป็นความทรงจำและเอาไว้ให้ลูกดูเมื่อเค้าโตขึ้น อาหารที่เรากินบนเรือก็คลีนเพราะปลาเราตกมาจากทะเล สโลว์ไลฟ์ของฉันไม่ได้นอนเอื่อยเฉื่อยหรือนั่งมองดูคลื่นทะเลไปวันๆ แต่เราพักงานเมื่อเราเหนื่อย เรากินเมื่อเราหิว เรากินเท่าที่เราหิว ใส่ใจเพื่อนเรือบ้านรอบข้าง ยื่นมือช่วยเหลือแม้ว่าเราเขาอาจจะไม่ต้องการ และทำกิจกรรมกับครอบครัว
ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ฉันยังใส่นาฬิกาเพื่อบอกราคา ยังถือกระเป๋ายี่ห้อนิยม และยังใส่เสื้อผ้าคุณภาพสมราคา เมื่อฉันต้องเดินทางกลับเข้าเมืองและปรับตัวเข้าหากับหน้าที่ สังคมเป็นสิ่งที่กำหนดให้เราเสนอภาพที่เราอยากให้คนเห็น ซึ่งบางครั้งก็เกินความจำเป็น

สถานที่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม
เล่นน้ำทะเลคนเดียวคงไม่สนุกเท่าเล่นกันสามคนพ่อแม่ลูก อาหารรสชาดแปลกใหม่กินคนเดียวก็ไม่อร่อย เบียร์เย็นๆ ของแต่ละประเทศคงไม่เพลินเท่ามีเพื่อนดื่มด้วย พระอาทิตย์ตกดินดูคนเดียวยังไงก็ไม่สวย ฉันบอกกับตัวเองเสมอว่าฉันโชคดีมาก ที่ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว ทำกิจกรรม และเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ด้วยกัน จนทำให้สถานที่ๆ เราไปเยือนเป็นเพียงแค่องค์ประกอบของการเดินทาง



สิ่งที่ฉันคาดหวังในปีที่  3 ของการเดินทางที่จะมาถึง
เวลาที่เพื่อนๆ ถามฉันว่าเราจะเดินทางล่องเรือไปกันอีกนานแค่ไหน ฉันตอบแบบขำๆ เสมอว่า จนกว่าเงินจะหมด ซึ่งก็ใกล้จะหมดแล้ว หลายคนกระซิบถามมาว่าล่องเรือกันมาสองปีเต็มแล้วครอบครัวเราใช้เงินเก็บกันไปเท่าไหร่ ฉันตอบกระซิบแบบเบาๆ กลับไปว่า ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 และสุนัขอีก 1 กินอยู่ร่วมค่าซ่อมบำรุงทั้งหลาย คิดเป็นเงินได้กว่า 7 หลัก ภายในปีที่ 3 ของการล่องเรือรอบโลกของเรานี้ ฉันไม่หวังอะไรมาก เพียงแค่ให้เรายังสามารถเดินทางด้วยกันอีกต่อไป นานแค่ไหนไม่รู้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนและเงินในกระเป๋าสตางค์เราคงจะได้ข้ามคลองปานามา และใช้เวลาในทะเลฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคก่อนที่จะตัดสินใจล่องเรือข้ามมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก...เพราะชีวิตคือการเดินทาง