ชีวิตคือการเดินทาง |
วันหนึ่งเพื่อนสนิทคนนึงของฉัน ผู้ที่ชอบการดูดวงเป็นชีวิตจิตใจ มาชวนฉันให้ไปเป็นเพื่อนเธอดูดวงกับหมอดูที่บริเวณท่าช้าง สมัยที่ฉันเรียนท่าช้างมักจะมีการจัดงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานเทิดพระเกียรติในหลวง หรืองานฉลองประจำเทศกาลต่างๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ยังคงคึกคักเหมือนเมื่อตอนที่ฉันยังเรียนหนังสือหรือไม่ ส่วนตัวฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางหรือดวงชะตาสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าหมอดูย่อมคู่กับหมอเดา ใครจะมารู้ดวงชะตาชีวิตของฉันได้ดีกว่าตัวฉันเอง แต่เมื่อเพื่อนคะยั้นคะยอก็เลยตามเลย หมอดูดูดวงให้เพื่อนฉันราวกับตาเห็น รู้ว่าพ่อแม่เธอมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง รู้กระทั่งปัญหาภายในครอบครัวโดยที่เพื่อนฉันไม่ได้ปริปากอือออหรือให้สัญญาณความแม่นยำในการทำนายอะไรเลย ฉันเริ่มสงสัยและอยากรู้เรื่องราวของตัวเองบ้างว่าฉันควรทำอะไรหลังจากเรียนจบดี ฉันจำชื่อหมอดูไม่ได้ จำได้แค่ว่าท่านเป็นผู้หญิงสูงวัย เคร่งขรึมใช้วิธีทำนายดวงชะตาด้วยไพ่ทาโร่ ลายมือ และวันเดือนปีเกิดทั้งหมดประกอบกัน หมอดูบอกกับฉันว่าผู้ชายคนที่ฉันคบหาอยู่ตอนนั้นไม่ใช่เนื้อคู่และเสียเวลาเปล่า เนื้อคู่ฉันยังอยู่ไกล แน่นอนฉันเริ่มคิดแล้วว่าหมอดูคนนี้ดูดวงไม่แม่นเพราะความเข้าข้างตัวเอง และเมื่อหมอดูๆ ลายมือของฉันบอกว่าฉันจะได้เดินทางบ่อย บ่อยมากจนอาจจะไม่มีวันหยุด ฉันถามหมอดูว่าเดินทางไปทำงาน เรียนต่อ เที่ยว หรือไปทำอะไร หมอดูบอกว่าไม่รู้ รู้แต่ว่าดวงเรามันบอกว่าชีพจรจะลงเท้าและเดินทางไม่หยุดหย่อน ยิ่งสร้างความไม่น่าเชื่อให้ฉันอีก ฉันอยากไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่ครอบครัวของฉันเป็นข้าราชการแม้ว่าแม่ของฉันจะเป็นข้าราชการชั้นสูง ระดับซีเก้า แต่ก็ไม่สามารถทุ่มเงินให้ลูกๆ ไปเรียนเป็นปีละล้านๆ บาทได้ หรือจะให้ฉันสอบชิงทุน ฉันเป็นคนไม่ชอบผูกมัด หากได้ทุนเรียนขึ้นมาจริงๆ ไปเรียนแล้วไม่ชอบจะทำยังไง ฉันเลยไม่ได้มีความหวังว่าจะได้ไปเรียนต่างประเทศเป็นวิธีการเดินทางของฉัน วันนั้นได้ผ่านไป ฉันก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ฉุกคิดหรือนึกถึงอีก
รูปงานเลี้ยงงานแต่งงานตามพิธีแบบไทย |
ชีวิตคู่คือการช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน |