วันอังคาร, ตุลาคม 22, 2556

30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฟ่าฟัน

ชีวิตคือการเดินทาง
สมัยที่ฉันเป็นนักศึกษาย่านท่าช้าง ฉันก็พอมีกิ๊กกั๊ก มี โปรเจ็คแอบปิ๊งรุ่นพี่ไปตามประสาวัยรุ่น ไม่ได้วางแผนจริงจังมากมายว่าหลังจากเรียนจบแล้วอยากทำงานอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งช่วงนั้นเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ที่ยังไม่อยากทำงานหรือยังหางานไม่ได้ก่อนที่จะจบภาคการศึกษาปีสุดท้ายก็นิยมวางแผนเรียนต่อระดับปริญญาโททั้งสถาบันในและต่างประเทศ ส่วนฉันก็พอมีอาจารย์มาทาบทามให้ไปทำงานด้วยบ้าง หรือมีคนแนะนำงานบ้าง แต่ก็ยังรักสนุกสนานกับเพื่อนฝูงไปตามเรื่องตามราว
วันหนึ่งเพื่อนสนิทคนนึงของฉัน ผู้ที่ชอบการดูดวงเป็นชีวิตจิตใจ มาชวนฉันให้ไปเป็นเพื่อนเธอดูดวงกับหมอดูที่บริเวณท่าช้าง สมัยที่ฉันเรียนท่าช้างมักจะมีการจัดงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานเทิดพระเกียรติในหลวง หรืองานฉลองประจำเทศกาลต่างๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ยังคงคึกคักเหมือนเมื่อตอนที่ฉันยังเรียนหนังสือหรือไม่ ส่วนตัวฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางหรือดวงชะตาสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าหมอดูย่อมคู่กับหมอเดา ใครจะมารู้ดวงชะตาชีวิตของฉันได้ดีกว่าตัวฉันเอง แต่เมื่อเพื่อนคะยั้นคะยอก็เลยตามเลย หมอดูดูดวงให้เพื่อนฉันราวกับตาเห็น รู้ว่าพ่อแม่เธอมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง รู้กระทั่งปัญหาภายในครอบครัวโดยที่เพื่อนฉันไม่ได้ปริปากอือออหรือให้สัญญาณความแม่นยำในการทำนายอะไรเลย ฉันเริ่มสงสัยและอยากรู้เรื่องราวของตัวเองบ้างว่าฉันควรทำอะไรหลังจากเรียนจบดี ฉันจำชื่อหมอดูไม่ได้ จำได้แค่ว่าท่านเป็นผู้หญิงสูงวัย เคร่งขรึมใช้วิธีทำนายดวงชะตาด้วยไพ่ทาโร่ ลายมือ และวันเดือนปีเกิดทั้งหมดประกอบกัน หมอดูบอกกับฉันว่าผู้ชายคนที่ฉันคบหาอยู่ตอนนั้นไม่ใช่เนื้อคู่และเสียเวลาเปล่า เนื้อคู่ฉันยังอยู่ไกล แน่นอนฉันเริ่มคิดแล้วว่าหมอดูคนนี้ดูดวงไม่แม่นเพราะความเข้าข้างตัวเอง และเมื่อหมอดูๆ ลายมือของฉันบอกว่าฉันจะได้เดินทางบ่อย บ่อยมากจนอาจจะไม่มีวันหยุด ฉันถามหมอดูว่าเดินทางไปทำงาน เรียนต่อ เที่ยว หรือไปทำอะไร หมอดูบอกว่าไม่รู้ รู้แต่ว่าดวงเรามันบอกว่าชีพจรจะลงเท้าและเดินทางไม่หยุดหย่อน ยิ่งสร้างความไม่น่าเชื่อให้ฉันอีก ฉันอยากไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่ครอบครัวของฉันเป็นข้าราชการแม้ว่าแม่ของฉันจะเป็นข้าราชการชั้นสูง ระดับซีเก้า แต่ก็ไม่สามารถทุ่มเงินให้ลูกๆ ไปเรียนเป็นปีละล้านๆ บาทได้ หรือจะให้ฉันสอบชิงทุน ฉันเป็นคนไม่ชอบผูกมัด หากได้ทุนเรียนขึ้นมาจริงๆ ไปเรียนแล้วไม่ชอบจะทำยังไง ฉันเลยไม่ได้มีความหวังว่าจะได้ไปเรียนต่างประเทศเป็นวิธีการเดินทางของฉัน วันนั้นได้ผ่านไป ฉันก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ฉุกคิดหรือนึกถึงอีก
 รูปงานเลี้ยงงานแต่งงานตามพิธีแบบไทย
 จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี ฉันทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่บริษัทในเครือทำหนังสือเกี่ยวกับออกแบบและดีไซน์ เพื่อนของฉันคนเดิมและคนอื่นๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกหลายคนก็ทำงานบริษัทนี้ ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปร่วมงานดีไซน์ที่ฮ่องกง ฉันลางานไปเพื่อการนี้โดยเฉพาะเพื่อเดินทางตามเพื่อนๆ ที่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้วหลายวันที่ฮ่องกง ตั้งแต่สมัยเรียนพวกเราไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนกันเองเลย นอกเหนือจากการรับน้อง ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางครั้งแรกของฉันที่ออกนอกประเทศและเดินทางคนเดียว ถึงกับเป็นไก่ตาแตก ทำอะไรไม่ถูก และเป็นการเดินทางที่ทำให้ฉันได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่กลายมาเป็นสามีของฉันในปัจจุบัน เขายื่นมือมาช่วยเหลือฉันในการโทรศัพท์ตามรถที่ได้นัดหมายกันว่าให้มารับที่สนามบินแต่เนื่องด้วยเที่ยวบินล่าช้าหนึ่งชั่วโมงเลยไม่มีรถคันไหนมาจอดรอฉัน ฉันไม่รู้ว่าต้องตรงเวลา เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันทำงานและคลุกคลีกับคนจีนมานานเลยรู้จุดอ่อนในการรับมือ ในที่สุดรถโดยสารก็กลับมารับฉันและไปส่งถึงโรงแรมที่มีเพื่อนๆ ของฉันรออยู่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราทั้งคู่ก็เริ่มสานสัมพันธ์ทางไกลกันมาตลอด จนเรียนรู้นิสัยใจคอกัน เทียวไปเทียวมา เดินทางไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันเป็นเวลาหลายปีจึงตัดสินใจแต่งงานกัน จากที่ไม่ชอบหรือเรียกว่าเกลียดฝรั่งเลยก็ว่าได้และมีแฟนคนไทยมาโดยตลอดกลับกลายต้องมาแต่งงานกับฝรั่ง ท่องเที่ยวและเดินทางร่วมกัน ย้ายมาอยู่ต่างแดน จนมาถึงการวางแผนล่องเรือรอบโลก เรียกว่าเป็นการเดินทางแบบชีพจรลงเท้าจริงๆ เดินทางแบบไม่หยุดหย่อน กระเป๋าเดินทางแทบไม่เคยแห้ง ยิ่งกว่าแอร์โฮสเตสเตรียมกระเป๋าเดินทางเพื่อสแตนบายการเดินทาง
ชีวิตคู่คือการช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน 
ใครละจะรู้ว่า จากที่เราแค่ตามๆ เพื่อนไปดูดวง แท้ที่จริงแล้วดวงที่หมอดูท่านนั้นได้ทำนายไว้ภายในเวลาไม่ถึงสิบปีจะเกิดขึ้นเร็วแบบไม่ได้คาดฝัน จริงอย่างที่เราว่าต่อให้เราฟ่าฟันขนาดไหน อยากทำงานแบบไหน อยากได้ผู้ชายแบบไหน หรืออยากมีชีวิตแบบไหนที่เราพยายามสร้างกันมา แต่ฟ้าได้ลิขิตชะตาของเราไว้แล้ว สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้คือการกระทำ เพราะไม่ว่าเรากระทำอะไรไว้ เราจะต้องได้รับผลกรรมที่เราทำแน่นนอน ทั้งการกระทำดีหรือกระทำไม่ดี ทุกอย่างจะตามเรามาในรูปของกฎแห่งกรรม
สิ่งที่ดีที่สุดของการเดินทางคือการมีเพื่อนร่วมทางที่ดี

0 comments:

แสดงความคิดเห็น