วันศุกร์, กรกฎาคม 12, 2556

หา! ล่องเรือรอบโลกหรอ อะไรนะ!

มุมด้านบนของ "ดี"
ประโยคที่เราได้ยินคนเปรยบ่อยๆ เมื่อเราเอ่ยถึงแผนการเดินทางของครอบครัวเรา  ตอนเริ่มต้นแผนการเดินทางแบบจริงๆ จังๆ ฉันบอกเพื่อนๆ ที่สนิทให้รู้ตัวก่อนว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอหน้าฉันอีกเป็นเวลานาน เพื่อนๆ บอกว่าเราบ้า! โดยที่ฉันยังไม่ได้บอกครอบครัว ดูเหมือนฉันใจร้ายแต่เพราะฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายให้พวกเราเข้าใจได้ยังไง ครอบครัวจึงเป็นบุคคลท้ายๆ ของฉันที่ฉันกล่าวลา เพราะฉันรู้ว่าครอบครัวเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดและฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องกังวลว่าเราจะไปลอยคออยู่กลางทะเล ฉันยังจำประโยคนึงที่เพื่อนสนิทของฉันพูดว่า “แม่เธอไม่มีวันเข้าใจหรอกต่อให้อธิบายยังไง” (จริงๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและใช้ภาษาพ่อขุน) ยิ่งเพิ่มความกังวลให้ฉันมากขึ้น

ตอนที่ฉันบอกกับแม่ของฉันว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน ไม่ได้โทรหากันบ่อยๆ หรือคุยกันนานๆ และตอนนั้นแม่ของฉันก็กำลังเห่อหลานคนเดียวของแกอย่างมาก แม่ถึงกับร้องไห้ราวกับว่าฉันจะถูกโจรสลัดจับตัวไป แต่หลังจากที่เอารูปให้ดู อธิบายอย่างละเอียด วางแผนว่าเราจะติดต่อกันยังไง เล่าตัวอย่างต่างๆ ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพ และบอกว่าถ้ามีโอกาสเงินเหลือใช้จะบินกลับมาเยี่ยม ดูเหมือนตอนนี้แม่จะหมดห่วง และบอกว่าน่าสบายงั้นก็ไม่ต้องแวะมาหรอก ติดตรงที่หลาน ที่แม่ห่วงและหวงมากกว่าเราสองคน!

ประเด็นนี้เลยเกิดขึ้น ...ฉันเลยอยากจะมาอธิบายถึงคำถามที่หลายคนสงสัย ข้องใจ และถามเราอยู่คำถามเดิมบ่อยๆ

ส่วนประกอบของเครื่องกรองน้ำ
เราจะอยู่กันยังไงบนเรือ
เราก็อยู่เหมือนกับที่เราอยู่บ้าน มีเรือบดเล็กสำหรับขึ้นฝั่งเวลาที่เราไม่สามารถเทียบท่าเรือ บริเวณชายหาดหรือทะเลตื้นๆ ได้ ก็คล้ายๆ ที่เราขับรถกลับบ้าน ถ้าคุณมีเงินเยอะหน่อยก็ซื้อรถยุโรปป้ายแดงไป เรือที่เป็นบ้านใหม่ของเรามีขนาด 45 ฟุตหรือประมาณ 80 ตารางเมตร มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องครัว ห้องกินข้าว แอร์ พัดลม ทีวี มีทุกอย่างเหมือนที่เรามีในบ้าน จะว่าไปแล้วใหญ่กว่าบ้านเราที่มีในมาเก๊าอีก เพราะมีพื้นที่เพียงแค่ 50 ตารางเมตร เป็นตึกแถวสี่ชั้น ไร้ลิฟท์ บันได้ล้วนๆ และลองคิดภาพดูว่าเราตื่นนอนมาแล้วเห็นวิวทะเลรอบๆ ดีกว่าตื่นมาในห้องแถวสี่เหลี่ยมเป็นไหนๆ

เราจะทำงานหาเงินกันยังไง 
คำถามนี้ฉันก็ตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันช่วงแรกๆ เราสองคนโชคดี ด้วยอาชีพของฌูเอาเป็นนักเขียน เขียนมันเข้าไปสากเบือยันเรือรบ ส่วนฉันก็โชคดีบ้างหากมีนักเรียนลงหลักสูตรที่ฉันสอนอยู่ที่มาเก๊า ฉันก็อาจจะมีโอกาสได้กลับมาอีกครั้งเป็นคอร์สสั้นๆ หักค่าเครื่องบิน ค่ากิน ค่าใช้แล้วตลอดการเดินทางมาสอนก็ยังพอเหลือเก็บได้บ้าง เราสองคนโชคดีหน่อยที่เริ่มเก็บเงินกันตั้งแต่หลังจากแต่งงานกันใหม่ๆ เงินเก็บไม่มาก แต่เราไม่มีหนี้ใดๆ อย่างเดียวที่เรามีคือผ่อนบ้านที่เราซื้อด้วยกันก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน แต่เราก็กันเงินเก็บไว้ส่วนหนึ่งที่พอจ่ายค่าผ่อนบ้านได้ปีกว่าๆ ในช่วงที่เราไปล่องเรือกัน แต่ถ้าไม่มีใครมาเช่าเพื่อให้เรามีเงินมาหมุนค่าผ่อน ก็คงประกาศขายให้หมดภาระสิ้นเรื่องสิ้นราวไป รายได้น้อย แต่รายจ่ายน้อย มีเงินเหลือเก็บนิดหน่อย ดีกว่ารายได้มาก จ่ายออกมาก เงินเก็บก็ไม่มีนะคะ

เธอจะไม่ให้ลูกเรียนหนังสือหรือ 
แหม! ถามอย่างกับฉันไม่ได้เป็นแม่ ลูกฉันทั้งคน ฉันก็ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดเช่นกัน ตอนที่เราเริ่มออกเดินทางมาเรีย ดี จะครบขวบนึงพอดี เราสองคนคิดว่ารากฐานเป็นสิ่งสำคัญ การได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ มีพ่อแม่คอยอบรม สั่งสอน และสนับสนุนอยู่ใกล้ๆ และเติบโตท่ามกลางธรรมชาติ มีเพื่อนหลากหลายภาษาในที่ต่างๆ ช่วยให้ลูกพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับแต่ละประเทศ ดีกว่าฉันส่งลูกไปเนอร์สเซอรี่ ให้ใครก็ไม่รู้ที่เป็นครู มีวุฒิภาวะหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่กับเพื่อนที่สอนกันพูดแต่คำหยาบ และพาลูกไปห้างวันหยุดเป็นไหนๆ หากโครงการของเราดำเนินต่อไปเมื่อมาเรีย ดี ถึงวัยต้องเข้าโรงเรียน เราก็ได้ไปค้นคว้าหาข้อมูลว่าแล้วคนอื่นๆ ที่เรียนทางไกล เขาทำอย่างไรกัน ระบบการศึกษาของอเมริกันนั้นก้าวหน้านัก ส่งคู่มือการเรียน การสอนมาให้ รวมถึงข้อสอบ และการวัดผล รายละเอียดเรื่องการเรียนเมื่อถึงเวลาเราจะอธิบายขยายความอีกทีในอนาคต
เตาต่างๆ ไว้สำหรับปรุงอาหาร

อาหารการกิน ฉันคงกินแต่ปลาสินะ
อย่างที่บอกไปว่าอยู่บนเรือเราก็เหมือนอยู่บ้าน เรามีตู้เย็นเหมือนกันนะ ช่องแช่แข็งก็มี ขึ้นบกทีก็ไปตลาดจับจ่ายเนื้อสัตว์ ผักผลไม้เก็บไว้กินยามออกไปกลางทะเล ใช่ว่านั่งเรือจะไม่มีอะไรทำแล้วตกปลาเป็นอาหารอย่างเดียว มันก็ใช่ตรงที่เราสามารถตกปลาได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ได้กินเนื้อสัตว์อีกต่อไป หรือวันๆ กินแต่ปลาแซลมอน! แต่สิ่งที่ท้าทายมากขึ้นคือ เราจะมีวิธีในการถนอมอาหารให้เก็บไว้ได้กินเป็นเวลานานยังไง ไม่ใช่ซื้อมาเต็มตู้ ยังไม่ทันจะกินเลย เสียหมดแล้วต้องทิ้งไปทั้งหมดเหมือนตอนที่อยู่บ้านบนดิน ตอนนี้แหละวิชาก.พ.อ. ที่เคยเรียนตอนประถมว่าทำไข่เค็มยังไง ปลูกถั่วงอกจากถั่วเขียวยังไง จะได้นำมาใช้จริงก็คราวนี้

แพชูชีพเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

แล้วถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง หาหมอที่ไหน จะโทรเรียกรถพยาบาลยังไง 
ถ้าตอนที่อยู่บนบกเทียบท่า ปวดฟัน ก้างปลาติดคอ เป็นหวัด ไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็มีหมอ โรงพยาบาล คลีนิคเหมือนๆ กัน แต่อาจจะต่างกันตรงที่ เราคงไม่มีหมอประจำตัวที่ติดตามอาการเจ็บป่วยเราได้ตลอดเวลา ใช้เส้นหมอเพื่อจะลัดคิวก็คงไม่ได้ จริงๆ แล้วในความคิดส่วนตัวฉันว่า ถ้าเราไปทำกิจกรรมที่ปลอดความเครียด ไร้มลภาวะและสารพิษ ได้ออกกำลังยืดเส้นยืดสายเสมอ ก็ไม่น่าจะเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ แต่แน่นอนสังขารไม่เที่ยง หากเกิดไม่สบายตอนเทียบท่าก็หาหมอเมื่อไหร่ก็ได้หมดห่วง แต่ถ้าเกิดไม่สบายกลางทะเลขึ้นมา อย่างน้อยๆ ฉันก็มีใบประกาศนียบัตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากสภากาชาดที่มาเก๊ามาตลอด เล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าเป็นอะไร และสิ่งที่สำคัญของนักเดินเรือที่จำเป็นต้องพกติดเรือไว้ทุกลำ คือตำราการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ที่บอกทางแก้ไว้เกือบครบทุกอาการ แต่หากอาการหนักไร้การเยียวยา ที่เราก็ระวังไม่ให้เกิดขึ้น ก็สามารถใช้สัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินยิงขึ้นฟ้า หรือใช้วิทยุสื่อสารช่องสัญญาณฉุกเฉินได้เหมือนกัน

ระวังโจรสลัดด้วย เดี๋ยวจะถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่
เรารู้ว่าพวกเขาอยู่กันแถวไหน เรารู้ว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร เราไม่มีสิ่งที่พวกเขาต้องการ เธอดูหนังมากไปนะจ๊ะ

ระวังปลาฉลามนะ
เราอยู่ส่วนเรา เขาอยู่ส่วนเขา ถ้าเขาไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม เขาก็ไม่มาทำอะไรเราก่อนหรอก แต่เรือสมัยนี้น่ะเขาพัฒนาก้าวหน้ามีเครื่องวัดความลึกของน้ำ มีระบบตรวจหาวัตถุใต้น้ำด้วยคลื่นเสียง วัดว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไร ระยะเท่าไหร่ ตัวใหญ่ขนาดนั้นเครื่องตรวจวัดก็รายงานให้เรารู้ตัวและระวังก่อนล่วงหน้าได้สบาย

ยังมีคำถามที่ตอบกันไม่หวั่นไม่ไหว เท่าที่คุณจะจินตนาการได้ แหม...คนถามว่าแล้วจะตากผ้ายังไง ก็มีนะเออ! พวกเราอยากบอกว่า พวกเราไม่ได้ไปรบ ไม่ได้ไปลอยคอกลางทะเล เราแค่ไปใช้วิธีดำเนินชีวิตที่แตกต่างไป ไม่ได้อยู่ในเมือง ไม่มีคอมพิวเตอร์ สมุดหน้าเหลืองหรือคอลเซ็นต์เตอร์ช่วยแก้ปัญหา ทุกอย่างเราต้องซ่อม เราต้องแก้ด้วยตัวเอง แต่มันก็คุ้มกับการที่เราละทิ้งทุกอย่าง เพื่อไปสัมผัสธรรมชาติ และได้ใช้ชีวิตกับครอบครัว อย่างที่คนเมืองทุกคนเรียกร้องและขวนขวายกัน

วันอังคาร, กรกฎาคม 09, 2556

แผนการการเดินทาง

"ดี" บ้านใหม่ของเรา ที่อ่าวลูเปรอน (Luperon)
โดมินิกัน รีพับบลิค (Dominican Republic)
แผนการการเดินทางทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เดิมทีเราทั้งคู่ตั้งใจว่าจะหาเรือใบที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางครั้งนี้ในทวีปเอเชีย หรือใกล้กับมาเก๊าที่ๆ เราทั้งสองคนอาศัยอยู่ และเริ่มการเดินทางจากมาเก๊าไปยังประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาทางการ หยุดพักทุกประเทศที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์โปรตุเกสเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา เราทั้งสองคนต้องการสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมาเก๊ากับประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาทางการ เพราะอย่างน้อยเราทั้งสองคนก็เห็นความสำคัญประวัติศาสตร์มาเก๊าและระลึกถึงบุญคุณสถานที่ๆ เราอาศัยอยู่ 

อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวก็ต้องล้มเลิกไป เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ ทั้งสิ้นจากรัฐบาลมาเก๊า อีกทั้งรัฐบาลมาเก๊าก็มิได้เห็นความสำคัญของการสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมาเก๊ากับประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาทางการตามแผนการเดินทางของเราทั้งสอง ที่น่าแปลกใจคือกิจกรรมที่มีการสนับสนุนและส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวของ     มาเก๊า แต่กรมการท่องเที่ยวมาเก๊ากลับไม่เหลียวแล เราทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจและสงสัยมากว่าจริงๆ แล้วกรมการท่องเที่ยวมาเก๊าอยากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านใดกันแน่ หรือประเทศที่เราจะไปเยือนอาจจะมิได้มีอำนาจทางการเงินอย่างประเทศจีน ที่เป็นหนึ่งในผู้นำโลกเศรษฐกิจในปัจจุบัน 

หลังจากที่เราผิดหวังกันไปแล้ว ได้พบผู้คน เพื่อน และคนรู้จักจำนวนมาก แนวความคิดแผนการเดินทางเริ่มต้นก็เปลี่ยนไปจากเดิม ที่เราทั้งสองคนตั้งใจว่าจะให้การเดินทางดังกล่าวเริ่มต้นและสิ้นสุดในมาเก๊าคงจะไกลจากความเป็นจริง เนื่องจากเหตุผลทางการเงิน ตัวอย่างเช่นมูลค่าขนส่งเรือเพื่อมายังมาเก๊า เราไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าขนส่งเรือราวห้าหมื่นยูโรเพื่อขนส่งเรือมายังที่ๆ เราวางแผนให้เป็นจุดเริ่มต้นได้ เนื่องด้วยงบประมาณของครอบครัวเราที่มีอย่างจำกัด เราพบกับเรือใบขนาด 45 ฟุต คุณภาพดี มีความคงทนแข็งแรง ด้วยคุณสมบัติที่ดีและราคาที่เหมาะสม เราจึงตัดสินใจซื้อเรือที่จะเป็นบ้านใหม่ให้แก่เราที่ประเทศโดมินิกัน รีพับบลิค โดนมีแผนการเดินทางที่จะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2014 แนวคิดของโครงการการเดินทางของเรา บางแนวคิดก็ยังคงอยู่และดำเนินต่อไป แนวบางแนวคิดก็ต้องยกเลิกไปด้วยข้อจำกัดและปัญหาบางประการ เราทั้งคู่อยากให้ “ดี”นำธงของมาเก๊าไปยังประเทศต่างๆ รอบโลก เพราะเป้าหมายของเราก็ยังต้องการส่งเสริมวัฒนธรรมภาษาโปรตุเกส เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 500 ปี การเดินทางของชาวโปรตุเกสทางทะเลจากยุโรปไปยังเอเชีย แต่ดูเหมือนว่าความต้องการของเราสองคนไกลจากความเป็นจริง

เราทั้งสองคนตัดสินใจละทิ้งชีวิตที่มีความสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวก ข้าวของเครื่องใช้หรูหรา เครื่องประดับราคาแพงที่เราพอมีกันอยู่บ้างเล็กน้อย ทิ้งความมั่นคงทางหน้าที่การทำงาน เพื่อแลกกับอิสรภาพ และเพื่อให้โอกาสกับ “ดี” ลูกสาวของเราทั้งสองคน ได้สัมผัสและเติบโตท่ามกลางธรรมชาติ โดยมีพ่อแม่ทั้งสองคนคอยอบรมสั่งสอนอย่างใกล้ชิดให้เธอมีคุณธรรม มากกว่าเห็นคุณค่าของวัตถุสิ่งของ